นาฬิกาหรูที่มาจากเสียงกระซิบ

ประวัติความเป็นมาของ Rolex เจ้าของนาฬิการุ่นดังอย่าง Datejust, GMT, Submariner, Daytona 

 
มั่นใจว่าในนาทีนี้ ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จักนาฬิกาหรูแบรนด์ดัง Rolex (โรเล็กซ์) ผู้ครอบครองนาฬิการุ่นดังอย่าง Datejust, GMT, Submariner, Daytona อื่นๆอีกมากมาย วันนี้ Timenaliga  จะพาไปพบกับประวัติความเป็นมาของนาฬิการะดับ Luxury สัญชาติสวิสเซอร์แลนด์ ว่ากว่าจะมาเป็นนาฬิกาชั้นสูงมีคุณค่า ที่มีข้อดีด้านความทนทาน รวมทั้งความเที่ยงธรรม ใครจะทราบว่าต้นเหตุของชื่อนั้นจะมาจากเสียงกระซิบกระซาบ! 
 
  
 
HANS WILSDORF 
 
จุดเริ่มแรกของ Rolex นั้นมาจากชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (HANS WILSDORF) ชาวเยอรมันธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ถึงแม้ว่าชีวิตในวัยเด็กของเขาจะมีเรื่องมีราวน่าสงสารเกิดขึ้น จากการสูญเสียพ่อแล้วก็แม่ไป แต่การเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุ 12 ปี ก็มิได้เป็นปัญหาต่อการเดินทางตามความฝัน แล้วก็การค้นหาจุดมุ่งหมายในชีวิตของเขาเลย โดยเขายังคงได้รับการศึกษาเรียนรู้ที่ดี แถมดูเหมือนชื่นชอบการเรียนภาษา และก็การคำนวณมากเป็นพิเศษ เมื่อจบเขาก็เลยตัดสินใจเริ่มอาชีพแรกของเขาโดยการเป็นเด็กฝึกงานในบริษัทส่งออกอัญมณี ทำให้เขานั้นได้ติดต่อกับผู้ผลิตต่างๆมากมาย หลักแล้วต่อจากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มเดินทาง และได้ทำงานเป็นพนักงานประจำในบริษัทส่งออกนาฬิกาแห่งหนึ่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งจุดนี้เอง นับเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ เกิดปริศนาว่า เพราะอะไรนาฬิกาของสวิสเซอร์แลนด์ถึงได้มีมูลค่ามากกว่าประเทศอื่น รวมทั้งเริ่มเรียนอย่างเอาจริงเอาจัง เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนาฬิกานับจากนั้นเป็นต้นมา 

วิสัยทัศน์ของชายผู้หลงไหลในนาฬิกา 
 
ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ในวัย 24 ปี ได้จัดตั้งขึ้นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจำหน่ายนาฬิกาขึ้นในกรุงลอนดอน นับเป็นการเริ่มเดินทางเพื่อปฏิบัติตามความฝัน แล้วก็ทำในสิ่งที่เขาหลงใหล ซึ่งขณะนั้นรูปลักษณ์ของนาฬิกามีขนาดใหญ่ พกพาไม่สะดวก การใช้นาฬิกาในชีวิตประจำวันยังไม่เป็นที่แพร่หลายกันเท่าไรนัก นับว่าเป็นสมัยแรกๆที่มีการเริ่มผลิตนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือออกวางขาย กลับเป็นนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือที่ไม่ได้มีความเที่ยงตรงเท่าไรนัก และก็จัดได้ว่าเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งเพียงแค่นั้น 
 
ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ก็เลยเกิดแนวคิด และก็เห็นแนวทางล่วงหน้าว่า นาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือไม่สมควรมีแค่เพียงความสวยหรูเพียงแค่นั้น แต่ควรมีความเที่ยงตรง ใช้งานได้จริง เขาไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยไร้ผลรวมทั้งลงมือกระทำในทันทีทันใด ท้ายที่สุดนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือกลไกขนาดเล็กที่มีความเที่ยงตรงสูงเรือนแรกของโลก ก็ออกเผยโฉมสู่มวลชน นับเป็นสิ่งใหม่อันเยี่ยม ซึ่งผลิตโดยบริษัทผลิตนาฬิกาในเมืองเบียนน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ แล้วก็กระทำการลงทะเบียนในชื่อ “Rolex” ที่เปลี่ยนเป็นสัญลักษณ์ของนาฬิกาที่เปลี่ยนเป็นมาตรฐานที่ประสิทธิภาพรวมทั้งเกียรติศักดิ์ ในปี 1908 

สาเหตุของชื่อ ROLEX 
 
ก่อนจะได้มาซึ่งชื่อ ROLEX อย่างที่พวกเราใช้เรียกกันอยู่ในตอนนี้ ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ อยากให้ชื่อนาฬิกาของเขากระชับรวมทั้งออกเสียงได้ง่ายในทุกๆภาษาทั้งโลก ซึ่งในเวลาที่เขากำลังปวดหัวกับการคิดชื่ออยู่นั้นเอง เขาเล่าว่า 
 
“ผมพยายามที่จะผสมตัวเขียนในทุกๆแบบที่เป็นได้ ก็เลยทำให้ผมมีชื่อเป็นร้อยๆชื่อ แต่ว่าก็ไม่มีชื่อไหนที่ถูกใจเลยสักอัน เช้าวันหนึ่ง ในช่วงเวลาที่ผมกำลังนั่งรถเมล์ข้างบนที่ใช้ม้าฉุดไปตามแถบชีพไซด์ในกรุงลอนดอน ผมก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบว่า ‘Rolex’ ขึ้นมา” 
 
นี่ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อที่สั้น กระชับ ออกเสียงง่ายของนาฬิกาชั้นสูงมีคุณค่า ที่มีคุณลักษณะเด่นด้านความคงทน และก็ความเที่ยงธรรมนั่นเอง 
 

การบรรลุเป้าหมายอีกขั้นหนึ่ง 
 
ในปี 1910 นาฬิกา Rolex เป็นแบรนด์ที่ให้ความใส่ใจกับประสิทธิภาพของกลไกนาฬิกามหาศาล อีกทั้งปรับปรุงรวมทั้งสร้างสรรค์กลไกต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว ท้ายที่สุด Rolex ก็ประสบผลสำเร็จ สำหรับเพื่อการครอบครองรางวัล ในฐานะนาฬิกาที่มีความถูกต้องจาก Official Watch Rating Centre โดยเป็นมาตรฐานการันตีระดับความตรงไปตรงมาสำหรับเพื่อการปฏิบัติงานของนาฬิกาจักรกล จากสถาบัน C.O.S.C (Controle Officiel Suisse Des Chronometer) ที่เมืองเบียนน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ นับเป็นนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือเรือนแรกของโลกที่ได้รับหนังสือรับรองความเที่ยงธรรมอย่างยิ่งจริงๆ 
  


 
และก็ในปี 1914 นั่นเอง ที่ Kew Observatory อังกฤษก็ได้มอบใบสุทธิความเที่ยงตรงระดับ “A” ให้กับนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือของ Rolex ซึ่งขณะนั้นการรับรองนี้สงวนไว้ให้เฉพาะนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงตรงของนาวิกโยธินเพียงแค่นั้น บอกได้เลยว่ากว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะเหตุว่าจำต้องผ่านกรรมวิธีทดลองมาก ไม่ว่าเป็นการทนไฟ ความหนาวเย็นต่างๆด้วยเหตุดังกล่าวเอง นาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือของ Rolex ก็เลยเป็นเครื่องหมายที่ความแม่นยำ 
 
 
 
ปี คริสต์ศักราช 1919 Rolex ได้ย้ายไปตั้งที่ทำการอยู่ที่ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์อย่างคงทน ซึ่งเป็นเมืองที่มีชื่อด้านการสร้างนาฬิกาสุดยอด แล้วก็ได้ขึ้นทะเบียนบริษัทใหม่ชื่อว่า Montres Rolex S.A.  แล้วก็ ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ก็ได้กำหนดเป้าหมายใหม่ในการศึกษาวิจัย ปรับปรุง เพื่อปลูกข้าวฬิกาสปอร์ต ที่ตอบปัญหาอีกทั้งวิธีการทำกิจกรรม และก็เป็นเครื่องหมายสำหรับในการแสดงสถานะความรวยทางด้านการเงินในสังคม 
 
 
การเปลี่ยนแปลงวงการนาฬิกา 
 
ในปี 1926 แบรนด์ Rolex ที่ไม่หยุดสร้างสรรค์แล้วก็ปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ก็ได้ปฏิรูปวงการนาฬิกาขึ้นไปอีกขั้น เมื่อ Rolex ทำดีไซน์ตัวเรือนให้ กันน้ำ กันฝุ่นผง โดยมีชื่อรุ่นว่า “Rolex Oyster” นาฬิกาเรือนนี้ มีการซีลอย่างแน่นหนา มีคุณลักษณะป้องกันกลไกลการดำเนินการของนาฬิกาจากน้ำได้ดีที่สุด นับเป็นสิ่งใหม่ใหม่ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับราษฎร เมื่อมีการจัดโชว์แสดงผลิตภัณฑ์ด้วยการผลิตอควาเรียมและก็ใส่นาฬิกาเข้าไป นับเป็นการชี้ให้เห็นถึงคุณลักษณะสำหรับในการกันน้ำได้อย่างแจ่มแจ้ง ทำให้ Rolex นั้นดังไปทั่วทั้งโลก 
 
รวมทั้งในปี 1927 เมอเซเดส กลีด (Mercedes Gleitze) นักว่ายหญิง ผู้ดีอังกฤษ ก็ได้พา Rolex Oyster ไป พิสูจน์ประสิทธิภาพ เมื่อคุณใส่นาฬิกา Rolex ว่ายน้ำข้ามช่องแคบของอังกฤษเสร็จ เธอทำเวลาไปทั้งหมด 15 ชั่วโมง 15 นาที โดยที่นาฬิกายังอยู่ในภาวะสมบูรณ์ นับเป็นการประกาศถึงการบรรลุผลอันยิ่งใหญ่อีกหนึ่งครั้งของ Rolex 
  
 
หัวใจหลักของนาฬิกาอัตโนมัติ 
 
ในปี 1931 Rolex ได้ประดิษฐ์และจดสิทธิบัตรกลไกไขลานอัตโนมัติด้วยระบบโรเตอร์ Perpetual โดยนาฬิกาได้ถูกออกแบบให้เป็นรูปครึ่งวงกลมหมุนขึ้นลานได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถสร้างพลังงานสำรองจากผู้สวมใส่ได้ ปัจจุบันนี้ กลไกการทำงาน Perpetual ก็ได้แปลงเป็นงานศิลปชิ้นโบแดงที่เปลี่ยนเป็นหัวใจสำคัญของนาฬิกาอัตโนมัติทุกเรือนนั่นเอง 
 
 
DATEJUST เรือนแรก 
 
ต่อจากนั้น ROLEX ก็ได้มีการปรับปรุงคุณภาพของนาฬิกาในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการบินผ่านยอดดอยเอเวอเรสต์ การแข่งรถ การปีนเขา แล้วก็การเล่นกีฬาอื่นๆอีกหลายครั้งจนกระทั่งนับไม่ถ้วน รวมทั้งสุดท้ายเมื่อปี 1945 ก็เป็นปีที่ ROLEX ได้เปิดตัวนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือที่มีกลไกไขลานอัตโนมัติเรือนแรกซึ่งมีตัวเลขบอกวันที่ได้บนหน้าปัด มากับสาย Jubilee (จูบิลี่) และก็ขอบหน้าปัดแบบร่อง ที่เป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชัน Oyster โดยชื่อรุ่นของนั่นก็คือ Datejust ที่เป็นที่นิยมกันมาจนกระทั่งตอนนี้นั่นเอง 
 

Datejust สาย Jubilee 

Hans Wilsdorf ได้เสียชีวิตลงในวัย 79 ปี ตอนวันที่ 6 กรกฏาคม ปี 1960 ที่ถึงตัวจะจากไป แม้กระนั้นเขาก็ได้ทิ้งผลงานรวมทั้งของใหม่ที่มีค่าเอาไว้มาก รวมทั้งการมอบความภูมิใจในความสามารถวิชาความรู้ความชำนิชำนาญให้แก่คนสมัยใหม่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเขาเป็นบุคคลที่เชื่อถือในศักยภาพของผู้คนเหนือสิ่งอื่นใด ทำให้ ROLEX ยังคงปรับปรุงและก็เติบโตต่อไป โดยปัจจุบันนี้ก็ได้มีการผลิตนาฬิการุ่นใหม่ๆที่มีนวัตกรรมอันน่าเหลือเชื่อออกมาอย่างสม่ำเสมอ อาทิเช่น DAYTONA, SEA-DWELLER, GMT, Submariner อื่นๆอีกมากมาย ที่แต่ละรุ่นนั้นตอบสนองต่อการสวมใส่บนทุกข้อมือของผู้สวมใส่ทุกคนได้อย่างดีเยี่ยม และก็นี่ก็คือเรื่องราวจุดเริ่มต้นของนาฬิกาหรูที่ชื่อเรียกนั้นมีที่มาจากเสียงกระซิบเบาๆRolex… 
 
อ้างอิง: 
 
• https://www.rolex.com/th/about-rolex-watches/hans-wilsdorf.html 
• https://www.rolex.com/th/about-rolex-watches/1905-1919.html 
• https://www.rolex.com/th/about-rolex-watches/1926-1945.html 
• https://www.rolex.org/perpetual/making-history-with-rolex 
• https://www.rolex.com/th/watches/lady-datejust.html  
• https://www.rolex.com/th/world-of-rolex/rolex-and-partners.html